วันจันทร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2567

 #ข่าวร้ายที่กลายเป็นเรื่องดี: มุมมองของคนทำข่าว



ในฐานะที่ผมทำงานสื่อในพื้นที่ ผมสังเกตเห็นว่าเดี๋ยวนี้ "ข่าวร้าย" กลายเป็น "ข่าวดี" ในเชิงเรตติ้งของสื่อไปแล้วนะครับ ช่องข่าวต่างๆ มักจะเน้นนำเสนอข่าวที่มีภาพรุนแรง ภาพจากกล้องวงจรปิด หรือพฤติกรรมโหดๆ เพราะมันเรียกยอดผู้ชม ยอดแชร์ และสปอนเซอร์ได้มาก ผลคือเรตติ้งพุ่งกระฉูด โดยที่ไม่ค่อยมีใครสนใจว่าผลกระทบที่ตามมาจากการนำเสนอข่าวพวกนี้จะส่งผลดีหรือร้ายต่อสังคมแค่ไหน
ถ้าลองมองดูสัดส่วนข่าวที่เราเห็นกันทุกวันนี้ ผมว่าเกิน 90% เป็นข่าวร้าย ส่วนข่าวดีมีแค่ 10% และในข่าวดี 10% นั้นก็ไม่ได้เป็นข่าวสร้างแรงบันดาลใจทั้งหมดนะครับ ครึ่งหนึ่งเป็นข่าวที่มีสปอนเซอร์จ้างให้ทำ อีกส่วนก็เป็นข่าวเบาๆ อย่างข่าวสีสันบ้าง เรื่องทั่วไปบ้าง แต่พอพูดถึงข่าวที่สร้างแรงบันดาลใจจริงๆ มีไม่ถึง 0.5% ด้วยซ้ำ
ถ้าคนเรารับข่าวสารในสัดส่วนแบบนี้ทุกวัน มันจะส่งผลอะไรกับสังคมบ้าง? ผมกังวลว่าอนาคตลูกหลานของเราจะเติบโตขึ้นในสังคมที่เต็มไปด้วยภาพความรุนแรงและเรื่องราวลบๆ เราอยากให้เป็นแบบนี้จริงๆ เหรอครับ หรือเราพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนการเสพข่าว การนำเสนอข่าวให้มันสมดุลมากขึ้น ไม่ใช่ให้ข่าวร้ายเป็นเจ้าแห่งหน้าจอทีวีหรือสื่อออนไลน์อย่างที่เห็นทุกวันนี้
"ข่าวร้ายมันขายได้ดี แต่ข่าวดียังอยู่ แค่เราต้องช่วยกันมองหาให้เจอ"
"ต้นหอม"